เพื่อน ๆ นักอ่านรู้หรือไม่ว่า ‘ร้านโชว์เฮี้ยน’ ที่ ‘ปราปต์’ เขียนเล่มแรก ไม่ได้แพลนว่าจะมีภาคต่อ แต่ด้วยความฮ็อตของพี่โช และปริศนาที่ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าขบคิดในตอนจบ ทำให้นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานของปราปต์ที่นักอ่านอยากให้มีภาคต่อ วันนี้การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว เหล่าพันธมิตรร้านค้ากลับมาอีกครั้ง จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในเล่มนี้ มาพูดคุยกับเจ้าของผลงานกันเลยค่ะ
Sofa publishing : สวัสดีค่ะปราปต์ ทักทายนักอ่านโซฟาหน่อยค่า
ปราปต์ : สวัสดีครับ ห่างหายจากเรื่องยาวกับทางโซฟาไปปีครึ่งเลย ปราปต์กลับมาแล้วกับงานเรื่องใหม่นะครับ ^^
Sofa publishing : คราวนี้กลับมาพร้อมผลงานเล่มใหม่ ‘ร้านโชว์เฮี้ยน โครงการ 2 สยองเดลิเวอรี’ สำหรับบางคนที่อาจยังไม่เคยอ่านร้านโชว์เฮี้ยนเล่มแรก อยากให้ปราปต์พาไปทำความรู้จักกับ ‘พี่โช’ หน่อยค่ะ
ปราปต์ : ร้านโชว์เฮี้ยนภาคแรก เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นในโปรเจกต์ผีการตลาด ตัวละครหลักคือโชฎึก หรือที่คนอ่านมักจะเรียกว่า ‘พี่โช’ ด้วยความสนิทสนมครับ พี่โชเป็นคนก๊ง ๆ เด๋อ ๆ หน่อย เขาเปิดร้านค้าด้วยเงินทุนก้อนสุดท้ายโดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำการค้าเลย ตอนแรกก็ถูกหลอกให้เซ้งของแล้วไม่มีร้านขาย โชคดีที่ได้คุณลุงใจดีให้เช่าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในราคาถูก หารู้ไม่ว่าในอาคารนั้นมีวิญญาณ ‘เจ๊เฮียง’ ซ่อนอยู่ โชคดีที่ผีเจ๊ตนนี้เป็นนักการตลาดเก่า ก็เลยมาช่วยเขาวางรากฐานร้าน ‘โชเฮง’ จนมั่นคงขึ้น และช่วยให้พี่โชมีความรู้ทางการตลาดมากขึ้น พอจะสู้รบกับร้านคู่แข่งได้ โดยเฉพาะเอ็มมาร์ทซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อเชนใหญ่ที่กำลังทำให้ร้านชำเล็ก ๆ ในละแวกนี้ระส่ำระสายจนพี่โชต้องชวนทุกคนมาร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อสู้ไปด้วยกันครับ
Sofa publishing : แล้วในเล่มภาคต่อนี้ เหล่าพันธมิตรร้านชำ ต้องเจอกับอะไรบ้างคะ ?
ปราปต์ : หลังจากภาคแรก พี่โชถูกร้านคู่แข่งอย่าง ‘ร้านมีชัย’ แอบเตะตัดขาบ่อย ๆ ภาคนี้ร้านมีชัยก็กลายมาเป็นพันธมิตรกัน รวมถึงร้านอื่น ๆ ในละแวกนี้ด้วย ทุกร้านจะต้องช่วยกันคิดหาทางสู้กับกลยุทธ์ต่าง ๆ ของเอ็มมาร์ท ทั้งบริการเดลิเวอรี การสะสมแต้มเพื่อดึงลูกค้าไปเป็นสมาชิกระยะยาว หรือแม้แต่การชิงพื้นที่ตั้งตู้ขายของใกล้ที่พักของลูกค้าเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกัน ในหมู่พันธมิตรด้วยกันเองก็ยังมีความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีการเอาเปรียบและใช้แผนสกปรกหักหลังกัน ทั้งหมดนี้โยงไปถึงคดีการตายของวิญญาณตนใหม่ที่มาช่วยพี่โชดูแลร้านและพันธมิตรอีกทีด้วยครับ เรียกว่าอลวนอลเวงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลย
Sofa publishing : ปมปริศนาที่ทิ้งไว้ในตอนท้ายของภาคแรก จะได้รับการเฉลยในเล่มนี้มั้ยคะ ?
ปราปต์ : ใช่ครับ ความตายของลลิลในภาคแรก จะกลายเป็นคดีหลักในภาคนี้ เป็นคดีที่ไกลตัวจนพี่โชแทบเอื้อมไม่ถึงเลย เพราะลลิลอยู่ในคนละสังคม แต่นั่นก็ยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยว่า แล้วทำไมลลิลจึงต้องตามมาอยู่กับพี่โชด้วย งานนี้จะมีตัวละครสำคัญอีกตัวมาช่วยพี่โชสืบความจริงด้วย อยากรู้ว่าเป็นใครต้องลองไปอ่านกันนะครับ กว่าจะไขคดีได้เรียกว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดกันเลยทีเดียว
Sofa publishing : ถือว่าเว้นระยะไปเป็นปีเหมือนกันนะคะ กว่าจะกลายมาเป็นนิยายภาคต่อเล่มนี้ ช่วงที่เขียนต้นฉบับมีความยากง่ายยังไงบ้างคะ ?
ปราปต์ : นับเวลาจริง ๆ แล้วเว้นไปถึงสามปีเลยครับ ถือว่านานพอสมควร ทั้งที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะหาโอกาสเขียนต่อให้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นติดโปรเจกต์ต่างๆ จนดึงเวลาไปหมด กระทั่งปลายปีที่แล้วตั้งใจว่าจะต้องเขียนจริง ๆ ซะที เพราะปล่อยให้คนอ่านถามทวงมานานมากแล้ว
ด้วยความที่เว้นระยะไปนาน อย่างแรกเลยก็ต้องกลับไปซึมซับบรรยากาศจากภาคแรกใหม่ทั้งหมดครับ เหมือนเป็นการทำการตลาดกับงานชิ้นเดิมด้วยว่าอะไรคือจุดแข็งจุดอ่อน และมีรายละเอียดอะไรที่ไม่ควรตกหล่น โดยเฉพาะพวกนิสัยหรือพฤติกรรมเฉพาะเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวละครต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนอ่านผูกพันกับเรื่องนี้เลย อยากให้คนอ่านรู้สึกจริง ๆ ว่าได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า ขณะเดียวกัน ความยากที่สุดในการเขียนจะเกิดจากไม่ได้วางโครงเรื่องภาคต่อไว้แต่แรก ถ้าใครได้อ่านจากภาคแรกจะเห็นว่าชีวิตของพี่โชกับลลิลนั้นอยู่ห่างไกลกันมาก พี่โชเองก็ต้องอยู่ติดกับร้านเพื่อดูแลงานของตัวเอง เลยกลายเป็นข้อจำกัดใหญ่มากว่าเรื่องควรจะสืบกันยังไงดี นอกจากนั้นตัวละครในภาคใหม่นี้ก็เพิ่มขึ้นมาเยอะพอสมควร ทำให้ต้องปูปมและแตกแขนงเส้นเรื่องออกไป ไหนจะต้องบาลานซ์กับกลยุทธ์การค้าในเรื่องด้วย อะไรพวกนี้เป็นโจทย์ที่ยากมาก ๆ สำหรับการเขียนครั้งนี้ครับ
Sofa publishing : ถ้าหากว่าสินค้าแบรนด์หนึ่งในร้านพี่โชมีกระแสถูกแบนจากผู้บริโภค ปราปต์คิดว่าพี่โชจะรับมือยังไงคะ ?
ปราปต์ : ถ้าเป็นพี่โชในภาคแรกอาจจะเงอะงะมะงุมมะงาหราจนเจ๊เฮียงปาของใส่ แต่ตอนนี้พี่โชเริ่มศึกษาจนเก่งการตลาดขึ้นแล้ว แถมมีลลิลมาเป็นคู่คิดอีก ผมว่าพี่โชจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่มากครับ เพราะตั้งแต่ต้นฮีน่าจะกระจายความเสี่ยงไว้แล้ว คือขายสินค้าประเภทเดียวกันในยี่ห้ออื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ไม่ยอมให้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมาผูกขาดยอดขายในร้านจนเกินไป (จะเห็นว่า ในภาคแรกพี่โชก็จะทำโปรโมชันกับของที่ขายน้อย เพื่อระบายสต๊อกและกลายเป็นการแนะนำสินค้าที่อาจไม่ค่อยได้รับความสนใจให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้นอยู่แล้ว) ขณะเดียวกัน ระยะหลังพี่โชก็เริ่มสั่งของต่อแบรนด์ในปริมาณน้อยลง เพราะมีซัพพลายเออร์แย่งกันมาส่งให้ถึงที่ แถมได้เครดิตค่อนข้างยาวอีก ฉะนั้น ถ้าสินค้าแบรนด์หนึ่งถูกแบน พี่โชก็จะไม่เจ็บตัวมาก ทั้งจากของที่ไม่ได้ตุนไว้เยอะ แถมมีสินค้าอื่นไว้ขายแทนอีก ถ้าถึงเวลานั้นจริง ผมว่าพี่โชน่าจะชิงทำโปรโมชันแบรนด์อื่นเพื่อเร่งยอดมาทดแทนซะเลย ส่วนของที่สั่งมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ของเสียง่ายก็เก็บไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นของเสียง่ายก็อาจใช้วิธีอื่น ๆ ในการโละสต๊อกแทนครับ เช่นถ้าเป็นของกินได้ ก็อาจขายราคาถูกให้ร้านอื่นในเครือพันธมิตรเอาไปใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างผลิตภัณฑ์ต่อยอดเพื่อขายต่อไป ถือเป็นการผูกสัมพันธ์พันธมิตรไปด้วยในตัว
Sofa publishing : เรียกได้ว่าการกลับมาของพี่โชครั้งนี้มีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ เลยนะคะ สุดท้ายให้ปราปต์ฝากผลงานเล่มล่าสุดนี้ และช่องทางการติดตามได้เลยค่ะ
ปราปต์ : ร้านโชว์เฮี้ยน โครงการ 2 สยองเดลิเวอรี กลับมาสร้างความสนุกต่อแล้วนะครับ ขอฝากเล่มใหม่นี้ให้แม่ยกพี่โชด้วย ภาคนี้จะเห็นแง่มุมใหม่ ๆ ของชาวชุมชนพิพัฒน์บัณฑิตและแม้แต่ตัวพี่โชเองมากขึ้น คู่ปฏิปักษ์อย่างเอ็มมาร์ทก็บิ๊กเบิ้มด้วย ฝากให้กำลังใจพวกเขาด้วยครับ ทั้งในแบบรูปเล่ม อีบุ๊ก หรือถ้าใครสะดวกอ่านออนไลน์ ลองเข้าไปเยี่ยมชมได้ก่อนที่ลิงก์นี้นะครับ https://bit.ly/31OICnT
รับประกันเลยว่านิยายระทึกขวัญผสมผสานกับกลยุทธ์การตลาดเล่มนี้ จะทำให้คุณได้มีช่วงเวลาที่สนุก ตื่นเต้น ฟิน และอินไปกับเหล่าเจ้าของกิจการร้านค้าในเรื่องแน่นอน ถ้าหากยังไม่มีไว้ในชั้นหนังสือ รีบคลิกเข้ามาสั่งซื้อที่ sofapublishing.com ได้เลยค่า พี่ไปรษณีย์จะเดลิเวอรีส่งให้ถึงที่แน่นอน